เลือกไม่ถูก ประกันสุขภาพ แบบเหมาจ่าย หรือ แบบแยกจ่าย แบบใหนดีกว่ากัน

ทุกวันนี้ เราหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพกันมากขึ้น ทั้งออกกำลังกาย ควบคุมอาหาร ทานอาหารเสริม แต่เรื่องที่มองข้ามไม่ได้ ก็คือ ค่ารักษายามเจ็บป่วย ก็สูงขึ้น จากเมื่อก่อนมาก ทำให้เราต้องมาสนใจประกันสุขภาพกันมากขึ้น แต่ว่าในเมื่อจะทำแล้ว ก็ต้องเลือกที่ ดีที่สุด และเหมาะสมที่สุดสำหรับเรา

- ซึ่งประกันสุขภาพ แรกเริ่มเดิมที มาช้านาน เป็นแบบประกันสุขภาพ แยกจ่าย คือแยกค่ารักษา นั่น เอง โดยแต่ละบริษัทประกัน จะกำหนด วงเงินค่ารักษา เช่น ค่าห้อง 6000 ค่าผ่าตัด 70,000 ค่า x ray ค่าห้องผ่าตัด ค่าแพทย์ ฯลฯ โดยจะเบิกเคลมค่ารักษา ไม่เกินวงเงิน ที่กำหนดไว้ และ ในกรมธรรม์ จะกำหนดไว้ว่า ผ่าตัดอะไร เบิกได้ กี่ เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถ้าเกินวงเงินที่กำหนดไว้ เราต้องออกส่วนที่เกินเอง แต่มีข้อดี คือ เบี้ย ถูกกว่า และไม่ได้กำหนดวงเงิน สูงสุดต่อปี หมายถึงว่า เราจะเบิกในวงเงินที่บริษัท กำหนด กี่ครั้งก็ได้

ทำให้ หากปีใหน เข้ารักษาหลายครั้งป่วยหลายโรค หรือเป็นโรคเดียวกัน (เข้ารักษา ห่างกัน 90 วันขึ้นไป) ก็จะเบิกวงเงิน รักษาใหม่ ได้ ทุกครั้ง แต่มีข้อเสีย คือ ค่าใช้จ่ายที่ระบุว่าสามารถเคลมได้ มีน้อยกว่า แบบเหมาจ่ายมาก มักจะไม่ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาล

- ส่วนประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย ส่วนที่เหมือนกัน คือ กำหนดค่าห้องพัก แต่ส่วนอื่น ๆ ในการรักษาพยาบาล จะกำหนดวงเงินรวมไว้ ซึ่งมักจะเป็นจำนวนมากพอสำหรับค่ารักษาในโรงพยาบาล หลักล้าน ถึงหลักหลาย สิบล้าน ต่อปี เลยทีเดียว

ซึ่งจะครอบคลุมค่ารักษา ต่าง ๆ มากกว่า แบบแยกจ่าย แต่ละบริษัท ก็ มีรายละเอียดแตกต่างกันไป เช่น บางบริษัท สามารถ เบิกได้ แม้กระทั่งใบสั่งยา ของแพทย์ และนำไปซื้อเอง หรือ มีบริการช่วยเหลือ ทั่วโลก หรือบางประเทศ และมีค่าใช้จ่ายสำหรับค่ารักษา อื่น ๆ เช่น ฝังเข็ม ฯลฯ แต่ละบริษัทก็จะมีรายละเอียดแตกต่างกันไป

แต่ข้อเสีย ก็คือ เบี้ยจะแพงกว่าแบบแยกจ่ายมาก ถึงประมาณ 3 เท่าเลยทีเดียว แต่ว่า บางบริษัท ก็จะมีเงื่อนใข คือ หากไม่เคลม ก็จะมีส่วนลดให้ หรือ ทำทั้งครอบครัว ก็มีส่วนลดให้ ตรงนี้ ก็น่าจะนำมาพิจารณา

แต่ที่สำคัญที่สุด คือ ต้องดูว่า บริษัท จะสามารถเพิ่มเบี้ยได้ในกรณีใดบ้าง นอกจากเพิ่มขึ้นตามช่วงอายุ ตามปกติแล้ว และสามารถเพิ่ม กี่ เปอร์เซ็นต์ ในปีต่ออายุ เมื่อเบิกค่ารักษาบางโรคแล้ว และที่สำคัญ สามารถต่ออายุ ได้ถึงเมื่อใหร่

เราควรจะเลือกที่สามารถต่ออายุได้มากที่สุดนะคะ เพราะหากเมื่อเราทำประกันแล้ว พอเกษียณ แล้ว แบบที่เราเลือกนั้น ไม่สามารถต่ออายุได้ ก็จะน่าเสียดาย เพราะหากไปหาทำใหม่ คงจะยาก เพราะบริษัทประกันส่วนใหญ่ จะรับสมัครใหม่ จนถึงอายุ 65 เท่านั้นนะคะ แต่สามารถต่ออายุได้ถึง 75 ปี หรือ 85 ปี หรือ 99 ปี แล้วแต่เงื่อนใขของแต่ละบริษัท และสุขภาพของเราเมื่อถึงตอนนั้น คงไม่แข็งแรง เท่าปัจจุบัน แล้วหล่ะค่ะ

สรุปว่า หากมีงบประมาณมากพอ ประกันสุขภาพเหมาจ่ายน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า แต่ค่าเบี้ยก็ไม่ควรเกิน 10% ของรายได้นะคะ แต่ หากเบี้ยประกันสูงไป แบบแยกจ่ายก็จะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า ที่จะรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลเองท้้งหมดนะคะ

ประกันสุขภาพ แบบไม่ต้องตรวจสุขภาพ คุ้มครองทั่วโลก ไม่ต้องสำรองจ่าย ติดต่อ สอบถาม รายละเอียดเพิ่มเติมที่ id line 092 7166882 หรือ โทร 092 7166882 นะคะ

#Feelfreetocontact #ประกัน #ประกันสุขภาพ #ประกันสุขภาพเหมาจ่าย #ประกันค่าใช้จ่ายบริษัท #ประกันลดหย่อนภาษี